ปี 2023 เรียกได้ว่าเป็นปีนองเลือดเลยทีเดียวสำหรับสหรัฐฯ เพราะผ่านไปยังไม่ถึง 4 เดือนดีก็สร้างสถิติเกิดเหตุสังหารหมู่ (เหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายขึ้นไปโดยไม่รวมผู้ก่อเหตุ) ไปแล้ว 17 ครั้งในเวลาเพียง 111 วัน รวมมีผู้เสียชีวิต 88 ราย ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกยิง ซึ่งที่ผ่านมา ถ้าเทียบเฉพาะช่วงเวลาเดียวกันนี้ มีเพียงปี 2009 เท่านั้นที่เกิดเหตุสังหารหมู่รุนแรงขนาดนี้
“คุณเป็นผู้ชาย ก็ทำตัวให้สมชาย” โฆษณาใหม่รัสเซียเชิญชวนคนไปเป็นทหาร
พนง.ธนาคารในสหรัฐฯ ก่อเหตุกราดยิง พร้อมไลฟ์สดไปด้วย
ศิษย์เก่ากราดยิงโรงเรียนประถมในแนชวิลล์ เด็ก 9 ขวบเสียชีวิต 3 ราย
จากตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า จะเกิดเหตุสังหารหมู่ 1 ครั้งในสหรัฐฯ ทุก ๆ 6.53 วัน หรือเกือบ 1 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว
แรงจูงใจของการก่อคดีสังหารหมู่เหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากความรุนแรงในครอบครัว ความขัดแย้งของกลุ่มแก๊ง การกลั่นแกล้งในโรงเรียน และความอาฆาตแค้นในที่ทำงาน
ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ข้อมูลการเกิดเหตุสังหารหมู่ในสหรัฐฯ ระบุว่า แต่ละปีจะเกิดเหตุสังหารหมู่เฉลี่ย 31.1 ครั้ง เสียชีวิตเฉลี่ย 162 ราย ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงไม่ถึง 4 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า เกิดเหตุสังหารหมู่และผู้เสียชีวิตครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยนี้แล้ว
แจคลิน ไชลด์เคราต์ ผู้อำนวยการบริหารของ Rockefeller สถาบันวิจัยร็อกเฟลเลอร์ด้านความรุนแรงจากปืนระดับภูมิภาค กล่าวว่า “หากใครสักคนมุ่งมั่นที่จะก่อความรุนแรงครั้งใหญ่ พวกเขาก็จะลงมือ ..คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. มันเป็นบทบาทของเราในฐานะสังคมที่จะพยายามสร้างอุปสรรคและขวากหนามเพื่อทำให้สิ่งนี้เกิดได้ยากขึ้น”
มีข้อบ่งชี้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญในระดับรัฐหรือรัฐบาลกลาง แต่บางรัฐก็ได้พยายามกำหนดการควบคุมอาวุธปืนมากขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกรตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนได้ลงนามในกฎหมายที่กำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรก่อนซื้อปืนไรเฟิลและปืนลูกซอง ขณะที่เมื่อวันพุธ (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งรัฐวอชิงตันได้ออกคำสั่งแบนปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติหลายสิบรุ่น
ในระดับรัฐบาลกลาง เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในร่างกฎหมายความรุนแรงเกี่ยวกับปืนครั้งสำคัญ โดยเสนอให้มีการตรวจสอบประวัติที่เข้มงวดสำหรับผู้ซื้อปืนที่อายุน้อย การรักษาอาวุธปืนจากผู้กระทำความผิดความรุนแรงในครอบครัว และช่วยให้รัฐใช้กฎหมายที่ทำให้ตำรวจสามารถขอให้ศาลยึดปืนจากประชาชนที่แสดงสัญญาณว่าอาจกลายเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงได้
เจมส์ อลัน ฟ็อกซ์ นักอาชญาวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธอีสเทิร์น กล่าวว่า “การสังหารหมู่ 1 ครั้งในทุก ๆ เกือบ 7 วัน เป้นสิ่งที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไป”
แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนปืนในครอบครองของประชาชนชาวอเมริกันกลับเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ รายงานมียอดขายปืนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงการระบาดของโควิด-19
จอห์น ไฟน์แบลตต์ ประธานกลุ่ม Everytown for Gun Safety กล่าวว่า “เราต้องตระหนักได้แล้วว่านี่ไม่ใช่วิธีการใช้ชีวิตที่ควรเป็น เราไม่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ และเราไม่สามารถอยู่ในประเทศที่สามารถถูกยิงได้ทุกที่ทุกเวลา”
ตอนนี้ Jaime Guttenberg จะอายุ 19 ปี พ่อของเธอเป็นนักเคลื่อนไหวด้านการควบคุมอาวุธปืน
เฟร็ด กัตเตนเบิร์ก ซึ่งสูญเสียลูกสาวไปในเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมในพาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา เมื่อปี 2018 และปัจจุบันเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องการควบคุมอาวุธปืน กล่าวว่า “อเมริกาไม่ควรแปลกใจว่าเราอยู่ที่ไหนในวันนี้ … มันอยู่ในตัวเลขทั้งหมดแล้ว ตัวเลขไม่โกหก แต่เราต้องทำอะไรบางอย่างทันทีเพื่อแก้ไขเรื่องนี้”
เรียบเรียงจาก Associated Press
ภาพจาก AFP